วันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2556


เ ตื อ น พ่ อ แ ม่ ..


ร ะ วั ง ก า ร ใ ช้ ย า ล ด ไ ข้ ใ น เ ด็ ก .



แพทย์หญิงวิลาวัณย์ จึงประเสริฐ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า
โดยปกติร่างกายของคนเราจะมีอุณหภูมิ 37.5องศาเซลเซียส
เมื่อเด็กมีไข้อุณหภูมิในร่างกายจะสูงกว่าปกติ ควรใช้ปรอทในการวัดไข้
ไม่ควรซื้อยาให้เด็กกินเอง เนื่องจากยาลดไข้สำหรับเด็กมีหลากหลายยี่ห้อและหลากหลายชนิด


สิ่งที่ควรระวังคือยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ซึ่งอาจให้ผลในช่วงแรกว่าอาการไข้ดีขึ้น
แต่ผลเสียคือสเตียรอยด์จะกดภูมิต้านทานของร่างกายทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อราได้ง่าย
นอกจากนี้อาจบดบังอาการแสดงของโรคติดเชื้อ เมื่อตรวจพบโรคอาจมีอาการรุนแรง และเป็นสาเหตุทำให้อาการทรุดหนัก ผู้ปกครองควรสังเกตอาการของเด็กอย่างใกล้ชิด เนื่องจากปัจจุบันมีหลายโรคที่เป็นอันตรายและมีอาการแสดงที่คล้ายกัน เช่น โรคมือ เท้า ปาก โรคไข้เลือดออก
หากผู้ป่วยด้วยโรคในกลุ่มนี้ได้รับสเตียรอยด์หรือแอสไพริน ตัวยาจะไปกระตุ้นให้เด็กเป็นอันตรายมากขึ้น
ในกรณีเด็กมีไข้สูงมากกว่า 2วันร่วมกับอาเจียน หรือหอบ เหนื่อย ซึม กระตุก ควรรีบพาไปพบแพทย์


ดังนั้น การเลือกใช้ยาลดไข้ในเด็กควรเลือกตัวยาที่ไม่มีอันตรายและมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด
เช่น ยาพาราเซตามอลซึ่งมีหลายรูปแบบ คือ ยาน้ำเชื่อมทั่วไปจะมีปริมาณของตัวยาเท่ากับ 120มิลลิกรัม ต่อ 5ซีซี หรือ 1ช้อนชา
หรือแบบน้ำเชื่อมชนิดแขวนตะกอนจะมีปริมาณของตัวยาเท่ากับ 120มิลลิกรัม และ 160มิลลิกรัมต่อ 5ซีซี หรือ 1ช้อนชา
ยาน้ำเชื่อมชนิดเข้มข้นประกอบด้วยตัวยาพาราเซตามอล 250มิลลิกรัมต่อ 1ช้อนชา
ยาน้ำเชื่อมแบบหยดมีปริมาณตัวยาเท่ากับ 10มิลลิกรัม ต่อ 0.1ซีซี
ยาเม็ดสำหรับเด็กในหนึ่งเม็ดมีปริมาณตัวยาเท่ากับ 325มิลลิกรัม




ขอขอบคุณแหล่งที่มาจาก : http://women.postjung.com/664791.html